วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จิ้งเหลนจระเข้ (Red-eyed Crocodile Skink)สัตว์เลี้ยงตัวเล็กในป่าจำลอง

        
                วันนี้ขอเสนอสัตว์เลี้ยงที่มีความน่าสนใจไปอีกแบบ และมีกลุ่มผู้เลี้ยงจริงในปัจจุบัน นั่นคือ จิ้งเหลนจระเข้ หรือ เรด อาย ครอกโกไดล สกินก์ (Red-eyed Crocodile Skink) ถูกเรียกขานอีกชื่อว่า "กิ้งก่าจระเข้" หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า "เรด อาย สกิงก์" เนื่องจากว่าแม้มันเป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดจิ้งเหลนก็จริง แต่พฤติกรรมและลักษณะของมันกลับเหมือนกิ้งก่ามากกว่าที่จะเป็นจิ้งเหลนแบบที่เราเคยเห็นโดยทั่วไป โดยเฉพาะลำตัวที่มีลักษณะเป็นเดือยหนามปกคลุมโดยทั่วจรดถึงหางคล้ายจระเข้ ซึ่งแตกต่างจากตระกูลจิ้งเหลนซึ่งจะมีผิวหนังเรียบ อาจกล่าวได้ว่าเป็นจิ้งเหลนเพียงชนิดเดียวที่มีลักษณะเช่นนี้ กลุ่มคนรักสัตว์จึงรู้จักมันในนามของ "กิ้งก่าจระเข้" เป็นส่วนใหญ่ (แต่ในบทความนี้ขอเอ่ยว่า จิ้งเหลนจระเข้ ตามชนิดของสัตว์)


   "ลักษณะภายนอกของ เรด อาย สกิงก์ คล้ายกิ้งก่า แต่จริงๆ แล้วมันคือ จิ้งเหลน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อย่างที่เราพบเห็นกันมากตัวจิ้งเหลนมันจะออกลื่นๆ ตัวยาวๆ ผิวมันๆ แต่ลักษณะของ เรด อาย สกิงก์ จะต่างออกไป คือมีหนามแหลมทั่วลำตัว หัวทรงสามเหลี่ยม ลำตัวคล้ายทรงสี่เหลี่ยม มีสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำ แถมยังออกลูกเป็นไข่ ขณะที่จิ้งเหลนทั่วไปออกลูกเป็นตัว" คุณปิยสิชฌ์ ภัฒนะพราหมณ์ หนุ่มรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบสัตว์ประเภทเลื้อยคลานเป็นพิเศษ และเลี้ยงเจ้าจิ้งเหลนจระเข้นี้มานานกว่า 5 ปี กล่าวให้ข้อมูล

          ก่อนเลี้ยงจิ้งเหลนจระเข้คุณปิยสิชฌ์ เริ่มเลี้ยงอีกัวน่า สัตว์เลี้ยงประเภทเลื้อยคลานที่เคยโด่งดังเมื่อ 10 ปี ที่แล้วมาก่อน จากนั้นเขาจึงค้นพบว่าสัตว์เลี้ยงประเภทนี้เลี้ยงง่าย ไม่ยุ่งยาก จึงเริ่มมองหาสัตว์เลื้อยคลานประเภทอื่นๆ มาเลี้ยงเพิ่ม โดยศึกษาข้อมูลจากเว็บไซต์ จนราว ปี 2547 มีคนนำเข้าเจ้าจิ้งเหลนตัวนี้เข้ามาจำหน่ายในไทย เขาจึงซื้อมาเลี้ยงไว้เพื่อศึกษาพฤติกรรม

          "สมัยก่อนผมปิ๊งสัตว์เลื้อยคลานมาก จากอีกัวน่าก็เริ่มศึกษาสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่นๆ จากเว็บไซต์ จนมีคนนำเข้าเจ้าเรดอายฯ เข้ามาขายก็สนใจ สอบถามราคาก็สามารถหาซื้อได้เพราะอยู่ราคาหลักพัน เลยซื้อมาเลี้ยงเป็นคู่ พอให้รู้ว่าลักษณะเป็นอย่างไร ปรากฏว่ามันเป็นสัตว์นิสัยดี ไม่แสดงความก้าวร้าวเลย นอกจากจะบีบคอ หรือตะปบ หรือจับมันแรงๆ มากสุดก็จะอ้าปากขู่ เล็บก็ไม่ได้แหลมคม ผมจึงมองว่าเป็นสัตว์ที่น่าเลี้ยงอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งสัตว์บางชนิดสวยก็จริง แต่ดุโดยสัญชาตญาณ แต่สิ่งที่เป็นเสน่ห์ที่หลายๆ คนชอบเหมือนกันก็คือ ความชอบส่วนตัวอยากเลี้ยงจระเข้ หรือสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ แต่การเลี้ยงเจ้าตัวนี้มันทำให้เรารู้สึกว่ามีจระเข้ตัวเล็กๆ ที่มีขนาดย่อส่วนลงมา ซึ่งขนาดที่เห็นนี่คือตัวโตเต็มที่ของมันแล้ว คือมีขนาดเฉพาะลำตัวประมาณ 3 นิ้ว หางประมาณ 2 นิ้ว เท่านั้นเอง"

          ข้อมูลของ เรด อาย คอกโกได สกิงก์ ที่กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ชนิดนี้ได้บอกเล่าเพิ่มความรู้ในกลุ่มคนรักสัตว์ชนิด เดียวกัน ในเว็บไซต์ siamreptile.com ยังยืนยันได้ว่าขนาดโตเต็มที่ของจิ้งเหลนชนิดนี้ หากนับจากหัวจรดหางมีความยาวเพียง 7-10 นิ้ว เมื่อแรกเกิดที่ฟักออกจากไข่จะมีขนาดราว 2 นิ้ว เท่านั้น โตเต็มวัยเมื่อมีอายุประมาณ 6-8 เดือน ส่วนอายุขัยก็ยาวนานถึง 10-15 ปี นอกจากหนามทั่วตัว และหัวทรงสามเหลี่ยมแล้วนั้น มันยังโดดเด่นด้วยวงแหวนสีส้ม-แดง รอบดวงตา ซึ่งในบางสายพันธุ์จะมีสีน้ำตาลทอง ที่บริเวณใบหน้าและเท้า อันเป็นที่มาของชื่อ ซึ่งในต่างประเทศมีชื่อเรียกอีกหลายชื่อ อาทิ Caque Headed Skink,Red or Orange or Yellow Eye Crocodilw Skink, Helmeted Skink หรือ เรียกสั้นๆ ว่า "Trib"

          ปัจจุบัน การซื้อขายจิ้งเหลนจระเข้มีการนำเข้าจากอินโดนีเซียเป็นส่วนใหญ่ แต่มีแหล่งกำเนิดหลักที่ป่าชื้นในบริเวณหมู่เกาะปาปัวนิวกินี โดยยึดพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำเป็นถิ่นอาศัย ดังนั้น จึงเป็นความแปลกใหม่ของผู้เลี้ยงสัตว์กลุ่มเลื้อยคลานที่แตกต่างจากการ เลี้ยงกิ้งก่าแบบทั่วไป นั่นคือ การจัดหาสถานที่ที่เหมาะสม มีความชื้นเพียงพอ ไม่ร้อนหรือแห้งจนเกินไป คุณปิยสิชฌ์ต้องเนรมิตตู้ปลาว่างเปล่าเป็นป่าน้อยผืนเล็กๆ ที่มีต้นไม้ต้นน้อยเป็นกลุ่ม มีขอนไม้เพื่อเป็นที่ปีนป่ายและเป็นที่หลบซ่อน รองพื้นด้วยขุยมะพร้าวสูงมากกว่า 2 นิ้ว แล้วปูหญ้ามอสส์เป็นพรมนิ่มเพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้น วางถาดใส่น้ำสะอาด หรือจัดเรียงโขดหินเป็นแอ่งน้ำเล็กๆ ไว้ภายใน และหมั่นฉีดฟ็อกกี้เพื่อเพิ่มความชื้นในตู้กระจกทุกวัน และวางตำแหน่งตู้ในพื้นที่อากาศถ่ายเทสะดวก

          "เนื่องจากว่า เรด อายฯ เป็นสัตว์ที่ต้องการความชื้นสูง การเลี้ยงในตู้จึงต้องพยามเลียนแบบธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ตู้เลี้ยงยิ่งใหญ่ ยิ่งดี จัดระบบนิเวศน์ให้เหมือนธรรมชาติ คือมีใบไม้ ต้นไม้มากๆ มีพื้นดินชื้นๆ มีถาดน้ำให้เขาแช่บ้าง แต่ปกติ พวกนี้ไม่ได้ลงน้ำหรือว่ายน้ำขนาดนั้น เพียงให้เขาอยู่ใกล้ๆ แหล่งน้ำ มีที่มุดที่ซ่อน ซึ่งการเลี้ยงในตู้ลักษณะนี้เราสามารถเลี้ยงรวมกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ อย่างกบบางชนิดที่มีขนาดใหญ่กว่าเรด อายฯ ได้ เพราะเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกัน"

          จิ้งเหลนจระเข้ ตามธรรมชาติหากินเวลากลางคืน มีอาหารหลักคือ จิ้งหรีด ทาก ลูกกบ หนอน ตั๊กแตน ไส้เดือน หนอนไหมหนูแดง และแมลงปีกแข็งขนาดเล็ก แต่เมื่อนำมาเป็นสัตว์ภายในบ้าน คุณปิยสิชฌ์ บอกว่า สามารถให้อาหารได้ง่ายๆ โดยให้จิ้งหรีดหรือหนอนนก ซึ่งเป็นอาหารสัตว์ที่หาซื้อได้ง่ายในปัจจุบัน นำมาคลุกกับผงวิตามินรวมหรือผงแคลเซียมก่อนโรยใส่ในตู้เพื่อเสริมแร่ธาตุให้ กับสัตว์เลี้ยงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่ควรเลือกหนอนและจิ้งหรีดที่มีขนาดเล็ก

          "สัตว์ที่เป็นสัตว์เลื้อยคลานเกือบทุกชนิดดูแลง่าย ให้อาหารง่าย ถ้าเราไปต่างจังหวัดหลายวัน สัตว์ก็อยู่ได้ เพราะสามารถอดอาหารได้เป็นอาทิตย์ แต่ถ้าเป็นสัตว์ใหญ่ก็อยู่ได้เป็นเดือน หากสามารถแยกเพศได้จริงๆ ก็ขยายพันธุ์ได้ไม่ยาก เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ก็สามารถจับคู่ให้ผสมพันธุ์ได้ตามธรรมชาติ แต่ต้องมีอุณหภูมิและมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมด้วย สำหรับ เรด อายฯ หากผสมพันธุ์แล้วมันจะใช้เวลาตั้งท้อง 20 กว่าวัน ช่วงที่ท้องอ่อนจะสังเกตลำบาก ตัวที่เป็นสีดำจึงค่อนข้างลำบากในการมอง แต่ในช่วงไข่แก่เต็มที่ เมื่อคลำดูจะเห็นชัดเจนมากขึ้น พอใกล้ถึงเวลาวางไข่มันจะมีพฤติกรรมลุกลี้ลุกลน จะทำรังทำอะไรเตรียมแอ่งไว้ ถ้าเราเลี้ยงให้มีระบบนิเวศน์ใกล้เคียงก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะการใช้ขุยมะพร้าวรองพื้นตู้เป็นวัสดุในการวางไข่ที่ดีของพวกมัน"

          ส่วนเรื่องการซื้อขายในปัจจุบัน จิ้งเหลนจระเข้ มีราคาค่าตัวอยู่ที่ตัวละ 1500 บาทขึ้นไป มีการซื้อขายเฉพาะกลุ่มเท่านั้น คุณปิยสิชฌ์ แนะนำว่าควรเลือกซื้อตัวที่สมบูรณ์ โดยสังเกตจากโครงสร้างโดยรวมและเกล็ดหนามบริเวณแถบหลังว่าครบหรือไม่ หากไม่เรียงเป็นระเบียบหรือเกล็ดใดเกล็ดหนึ่งแหว่งหรือขาดไปแสดงได้ถึงความ ไม่สมบูรณ์ หรือสังเกตที่นิ้วเท้าทั้งสี่และปลายหางว่าครบ ขาดหรือไม่ เพราะตามธรรมชาติหาก เรด อายฯ เจอตัวผู้ด้วยกันอาจมีการต่อสู้ หรืออาจผ่านการเลี้ยงแบบไม่ถูกสุขลักษณะมาก่อน เช่น ปล่อยให้น้ำเน่า และควรเลือกตัวที่มีเนื้อตัวสะอาด ไม่เป็นแผล และมีสีรอบดวงตาเด่นชัด

          "สมัยก่อนคนเห็นสัตว์ประเภทนี้ก็คงรังเกียจ แต่สมัยนี้มีการเผยแพร่ทั้งทางสื่อและอินเตอร์เน็ตมากขึ้น คนจึงเริ่มรู้จักและรับรู้ได้ว่ามันไม่ได้ดุร้ายหรือน่าเกลียดอย่างที่เห็น ประกอบกับยุคสมัยนี้สภาพความเป็นอยู่ของคนเมือง มีชีวิตที่เร่งรีบ และที่อาศัยก็เล็กลง เริ่มมีข้อจำกัดมากขึ้น ส่วนใหญ่อยู่คอนโดฯ อพาร์ตเม้น ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน การเลี้ยงสัตว์ประเภทนี้จึงไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากเหมือนสุนัขหรือแมว ที่ต้องใช้เวลาดูแลหลายชั่วโมงต่อวัน พวกสัตว์เลี้ยงเลื้อยคลานจึงเริ่มเข้ามาแทนที่มากขึ้น เรียกกันว่า เอ็กโซติกเพ็ก หรือพ็อกเก็ตเพ็ท ไซซ์เล็กๆ ที่มีความแปลกมาเลี้ยงกันมากขึ้น แต่ถ้าจะเลี้ยงต้องศึกษาสัตว์แต่ละชนิดด้วยว่าเป็นสัตว์สังคมหรือเปล่า บางชนิดเลี้ยงตัวเดียวก็ได้ แต่ต้องดูตัวเองด้วยว่าเรามีทุนพอที่จะเลี้ยงได้นานหรือเปล่า ไม่ใช่แค่ซื้อตัวมา แต่ไม่สามารถซื้ออาหาร หรืออุปกรณ์อื่นๆ ในการเลี้ยงได้ ทางที่ดีศึกษาก่อน หรือเริ่มแค่เพียงตัวเดียว ชอบไม่ชอบก็ค่อยดูอีกที" คุณปิยสิชฌ์ ให้ความเห็น

          แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าความแปลกจะสร้างแรงดึงดูดให้อยากหาซื้อมาเลี้ยง แต่ผู้สนใจจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลให้แน่ชัดเสียก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่  เราควรหารายละเอียดเพิ่มก่อนที่จะซื้อมาเลี้ยงดีกว่านะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น