การเตรียมตัวสำหรับการเลี้ยงลูกกระรอก
(อายุไม่เกิน2เดือน)สำหรับการเลี้ยงลูกกระรอกวัยแรกเกิดหรือ เตาะแตะนั้น
คุณจะต้องทำหน้าที่แทนแม่ของเจ้าตัวน้อยค่ะ คุณต้องสามารถดูแลเอาใจใส่
และมีเวลาอยู่กับเจ้าตัวน้อยเกือบตลอดเวลา ประหนึ่งแม่ที่ดูแลทารกน้อย
หลักการดูแลลูกกระรอก
ลูกกระรอกต้องการความอบอุ่น
คุณจะต้องให้เจ้าตัวน้อยได้รับความอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา เพราะกระรอกวัยนี้ยังแบเบาะ
อ่อนแอมาก ถ้าจำเป็นที่จะต้องเลี้ยงในช่วงที่มีอากาศหนาว
หรือเย็นอาจจะต้องใช้ถุงน้ำร้อนมาช่วยทำให้เจ้าตัวน้อยอบอุ่น หาผ้าหนาๆมาให้นอน ไม่ควรตั้งที่นอนของเจ้าตัวน้อยไว้ตากลม
หรืออยู่ในห้องแอร์(ถ้าจำเป็นก็ควรหามุมที่อบอุ่นที่สุด)ไม่เช่นนั้นน้องกระรอกจะไม่สบาย
ถ้ากระรอกเป็นหวัดอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้และไม่เฉพาะ
ความอบอุ่นทางกายเท่านั้น ลูกกระรอกจะชอบซุกตัวนอนในมือของเรา และจะหลับอย่างสบายในมืออบอุ่นของเจ้าของ
เจ้าตัวน้อยมักจะร้องบ่อยๆ เหมือนเด็กเรียกหาแม่
ควรจะให้เวลาเขาได้นอนอยู่ในมือของเราทุกๆวัน
เพื่อสร้างความคุ้นเคยและสายสัมพันธ์ต่อกันด้วย
การขับถ่าย
ลูกกระรอกที่เล็กมากๆจะไม่สามารถถ่ายเองได้
จำเป็นต้องช่วยกระตุ้น ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำอุ่นๆเช็ดที่ก้นและที่ฉี่เหมือนที่แม่กระรอกจะเลียให้ถ่ายออกมา
เพราะถ้าไม่ถ่ายก็จะท้องอืดตายได้
อึของเจ้าตัวน้อยทั่วไปแล้วจะไม่ค่อยเป็นก้อนเป็นเพราะอาหารที่กินเข้าไป มักจะถ่ายเป็นสีเข้มนิ่มๆจนถึงเป็นก้อน
แต่ไม่ควรมีสีอ่อนมากเกินไป หรือเละเกินไป ถ้ามีสีอ่อนเละ หรือเป็นของเหลว
ควรตรวจสอบเรื่องอาหาร และรีบพาไปพบหมอโดยด่วน
การให้อาหาร
อาหารสำหรับลูกกระรอกนั้น
ห้ามให้น้ำนมวัวเป็นอันขาด เพราะในนมวัวนั้นลูกกระรอกเล็กๆจะย่อยไม่ได้
ทำให้เกิดอาการท้องเสีย และตายไปในที่สุด
เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกกระรอกส่วนใหญ่ตายมากที่สุด อาหารที่แนะนำคือ ซีลีแลค (อาหารเสริมสำหรับเด็ก)
อาจใช้เป็นสูตรเริ่มต้นก่อน ชงกับน้ำร้อน 1ต่อ 3-4(ซีลีแลค1ส่วน น้ำ 3-4ส่วน) หรือเอาใส่ไมโครเวฟต้มประมาณ
20 วินาที(ระวังจะล้นในขณะที่ต้มต้องคอยดู) หรือเป็นนมสำหรับเลี้ยงลูกสนุขหรือลูกสัตว์เล็กๆ
ซึ่งจะมีราคาแพงใช้ในกรณีที่คุณหมอแนะนำ หากลูกกระรอกไม่สามารถกินซีลีแลคได้
ปริมาณในการให้อาหาร ลูกกระรอกเล็กๆจะกินบ่อยเหมือนกับเด็กทารก คืออย่างน้อยทุกๆ 3-4ชั่วโมง
หรือ วันละ 5 ครั้งขึ้นไป โดยใช้Dropper หรือหลอดสำหรับดูดที่มีจุกยางสีส้มป้อน
อย่าให้มากเกินไป 2-3 หลอดก็พอ ถ้าอิ่มมากไปจะท้องอืดได้
และอย่าปล่อยให้หิวเกินไปเพราะจะทำให้ เจ้าตัวน้อยรีบกินจะทำให้เลอะเข้าจมูก
หรือสำลักได้ จะเป็นอันตรายกับเจ้าตัวน้อยในที่สุด
ป่วย
ถ้าเจ้าตัวน้อยไม่สบายควรรีบพาไปหาหมอเพราะมีโอกาส
เกิดอาการเฉียบพลันได้ง่าย โรคที่ควรระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ควรปล่อยไว้ดูอาการ
จะสายเกินไป
-
โรคท้องอืด สำหรับเจ้าตัวน้อยที่ไม่ถ่ายก็เป็นอันตรายถึงตายได้
เมื่อให้อาหารแล้วสักพักหนึ่ง
ควรมีการเช็ดก้นด้วยสำลีชุบน้ำอุ่นเพื่อนกระตุ้นให้ถ่าย น้องกระรอกที่ท้องอืด
ท้องจะบวมผิดปกติ ก้น ถ้าถ่ายไม่ออกนานๆ ก้นจะบวม แดง ถ้าไม่สามารถทำให้ถ่ายได้
ควรพาไปหาหมอ
-
โรคท้องเสีย มักเกิดจากอาหาร เช่นให้นมวัว (ไม่ควรให้เด็ดขาด) หรือไม่สามารถกินซีลีแลคได้
หรือสาเหตุอื่นๆ จะมีอาการถ่าย เละเป็นสีอ่อนๆ หรือเป็นของเหลว ก้นจะเปียก
เซื่องซึม ซึ่งเป็นอาการขั้นรุนแรง ควรสังเกตการถ่ายของเจ้าตัวน้อยอยู่เสมอถ้ามีอาการที่เริ่มจะท้องเสียควรตรวจสอบอาหาร
และรีบไปพบคุณหมอทันทีอย่าปล่อยไว้ เพราะอันตรายมากสำหรับลูกกระรอกที่อายุน้อย
-
โรคหวัด เกิดจากอากาศหนาว หรือน้องกระรอกไม่ได้รับความอบอุ่นพอเพียง
จะมีอาการจมูกแห้ง (เริ่มไม่สบาย) ซึ่งปกติแล้วจมูกของน้องกระรอกจะ ชื้นเล็กน้อย
ถ้าไม่สบายแล้วจะมีน้ำมูกใสๆออกมา หรือจามบ่อยๆ
ถ้าเป็นมากจะไม่ค่อยกินอาหารหรือซึมๆ ซึ่งจะดูได้ยากเพราะช่วงอายุนี้
น้องกระรอกจะนอนเป็นส่วนใหญ่ ขั้นต้นคือทำให้อบอุ่นมากๆ แล้วรีบพาไปหาหมอ
เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน อาจทำให้ลุกลามเป็นปอดบวมและตายได้ในที่สุด
ยังไม่ลืมตา
สำหรับคนที่เลี้ยงลูกกระรอกที่ยังไม่ลืมตา
ควรดูแลมากเป็นพิเศษ เพราะมีโอกาสตายสูงมากหากเลี้ยงไม่เป็น หรือไม่เอาใจใส่
ควรช่วยกระตุ้นให้เจ้าตัวน้อยลืมตาบ้างด้วยการ ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดเบาๆที่ตา
เหมือนแม่ของเจ้าตัวน้อย
อายุไข
กระรอกยังไม่เคยมีการรายงานเป็นตัวเลขที่แน่นอนแต่สำหรับกระรอกที่ถูกคนเลี้ยงดูนั้น
โดยเฉลี่ยแล้วมีอายุประมาณ 17 ปี และบางพันธุ์อาจมีอายุยืนถึง 21 ปี (เลี้ยงขังในกรง)
เช่น กระรอกสามสี
ศัตรูตามธรรมชาติในธรรมชาตินั้น กระรอกมีศัตรูคือสัตว์กินเนื้อขนาดเล็ก
เช่น อีเห็น ชะมด พังพอน แมวป่า รวมทั้งเหยี่ยว นอกจากนี้
กระรอกอาจถูกคนจับมาขายหรือฆ่าทิ้งเนื่องจากทำลายผลผลิตของเกษตรกร
โดยเฉพาะกระรอกที่ไปอาศัยในสวนปาล์ม
พฤติกรรมการกินอาหารของกระรอกโต...
อาหารหลัก : กระรอกเป็นสัตว์กินพืชเป็นอาหารหลัก
โดยมากจะกินผลไม้และธัญพืช
อาหารที่เป็นสัตว์ : แมลง
บางครั้งกระรอกจะกินแมลงเมื่อต้องการแร่ธาตุบางชนิด
อาหารที่เป็นพืช : ได้แก่ ใบไม้
เมล็ดพืช ธัญพืช ผลไม้เปลือกแข็ง และผลไม้
พฤติกรรมการหาอาหาร : มีการสะสมหรือซ่อนอาหารไว้กินในฤดูหนาว
ถิ่นที่อยู่อาศัย...
โดยส่วนใหญ่แล้วกระรอกจะอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ
15.8 องศาเซลเซียส
และมีปริมาณน้ำฝน 1455 มม.
จะสามารถพบกระรอกได้มากในป่าเขตอบอุ่นโดยเฉพาะป่าที่มีไม้ผลมาก
สำหรับในประเทศไทยนั้นสามารถพบเห็นกระรอกได้ทุกภูมิภาค
แต่จะพบได้มากที่ภาคใต้และพบว่ามีจำนวนน้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กระรอกบางพันธุ์นั้นจะสามารถพบได้เฉพาะในภาคใต้เท่านั้น เช่น พญากระรอกเหลือง
กระรอกสามสี กระรอกหางม้าใหญ่ กระรอกหน้ากระแต ซึ่งกระรอกเหล่านี้ล้วนเป็นกระรอกพันธุ์หายาก
และใกล้จะสูญพันธุ์
ในฉบับนี้ผมก้อนำเอาเจ้ากระรอกน้อยผู้น่ารักมาฝากกันหวังว่าทุกท่านที่ชมอาจจะหลงรักเจ้ากระรอกน้อยตัวนี้นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น